ยอดมนุษย์ ‘อุลตร้าแมน’ ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2509 ด้วยวัยเฉียด 40 จึงได้กลายเป็นตำนานสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น ล่าสุด “ในภารกิจกอบกู้โลก ที่จะหยุดทุกประสาทสัมผัส สุดยอดการแสดงในรูปแบบ 4 มิติ ULTRAMAN Live Show 4D ยิ่งใหญ่คุ้มค่าสมการรอคอย” เป็นข้อความโฆษณาประชาสัมพันธ์ การกลับมาอีกครั้งของอุลตร้าแมนไลฟ์โชว์ ที่จัดแสดงในช่วงเดือนเมษายน 2547 ที่ผ่านมา
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังโปรดักชันสำหรับการแสดงไลฟ์โชว์ในครั้งนั้น นายศิริเดช ศิริสมบูรณ์ กับตำแหน่ง “Chief Designer” โดยหน้าที่หลักในการควบคุมงานด้านการออกแบบเวที เสื้อผ้า ตลอดจนเหล่าอุลตร้าแมนหลายเจเนเรชันที่ยืนจังก้าอยู่รอบนอก ไล่ตั้งแต่ อุลตร้าแมน มิลเลเนียม,ดาร์ก อุลตร้าแมน,อุลตร้าแมน อีลิท ฯลฯ ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี เขาคือคีย์แมนสำคัญที่ร่วมคิด ร่วมสร้าง ยอดมนุษย์อุลตร้าแมนขึ้นมา ในนามบริษัท Chaiyo Productions Co.,Ltd
ระยะเวลาเพียงสัปดาห์ ในการจัดการทุกระบบทั้งภายนอกและภายใน เพียงเพื่อสะกดให้เด็กๆ เหล่าสาวกอุลตร้าแมน ที่ตั้งความหวังไว้สูง ที่จะรอพบกับฮีโร่ของพวกเขาที่มีความสมบูรณ์ในทุกรายละเอียดประดุจเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์จริงกับเหล่าสัตว์ประหลาด ช่วงระทึกของสะพานหักโค่นลงใส่กลุ่มคนดู การไหลบ่าของลาวาภูเขาไฟประกอบแสงสีไปพร้อมๆ กับจินตนาการอันไร้ขอบเขตใดมาขวางกั้น
จากเด็กราชบุรี กับพรสวรรค์ในการวาดรูปที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังจำความได้ ถุงกล้วยแขกกับดินสอด้ามกุด วาดเป็นภาพไอ้มดแดงตระกูลวีรวมทั้งอุลตร้าแมนตัวแล้วตัวเล่า เมื่อเข้าสู่วัยเรียนนุ่งกางเกงขาสั้นตัดผมเกรียน ศิริเดช ก็ยังคลั่งไคล้ยอดมนุษย์อุลตร้าอยู่ไม่จางหาย นั่งอยู่หน้าจอแก้วทีวีขาวดำ ชื่นชมภาพยนตร์ หนุมานพบเจ็ดยอดมนุษย์ กระทั่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะจิตรกรรม
“ตอนผมเรียนมัธยม มีอาจารย์จากศิลปกรมาสอนอยู่พอดี ก็เป็นโอกาสที่ดีได้ฝึกฝีมือทางด้านการวาดรูป เพราะผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะมาทางสายศิลปะแน่นอน เหมือนผมไม่รู้จักโต เพื่อนๆ เริ่มหัดจีบผู้หญิง มีแต่ผมนี่แหละที่ยังบ้าวาดรูปฮีโร่ยอดมนุษย์อยู่เลย ผมว่าสำคัญนะถ้าเรามีพื้นฐานทางด้านศิลปะและเข้ามาทำงานด้านนี้”
ระหว่างศึกษาในสาขาศิลปะแห่งนี้ วันหนึ่งมีเพื่อนรุ่นพี่ชวนเขาสมัครทำงานในบริษัท Chaiyo Productions Co.,Ltd และเข้าเป็นพนักงานของบริษัทฯ ในยุคเริ่มต้นสร้างหน่อแตกก่อ มาถึงในทุกวันนี้
“ผมจบสาขาประติมากรรม ปั้นดิน ปั้นหุ่นมาตลอด งานแรกก็ปั้นหน้ากากอุลตร้าแมน เรียนรู้เพิ่มพูนทักษะ รับผิดชอบทางด้านการออกแบบสานต่อคาแร็กเตอร์อุลตร้าแมนจากอดีตสู่ยุคปัจจุบันให้มีชีวิตและลมหายใจอยู่ต่อไป ซึ่งผมคิดว่าอุลตร้าแมนคงไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะเขากลายเป็นเทพไปแล้ว เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับวงการสื่อโทรทัศน์ ภาพยนตร์ โดยเริ่มต้นไปแล้วกับภาพยนตร์แนวคอมมาดี้เรื่อง หนุแมน ซึ่งกำลังเตรียมงานที่จะถ่ายทำอยู่เร็วๆ นี้”
หน้าที่ของศิริเดช ก็คือการดูภาพรวมของตัวละครที่อยู่ในบททั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับ ชุดที่นักแสดงต้องสวมใส่ให้ดูมีความสมจริง ซึ่งจะใช้วัสดุทั้ง ยาง เรซิน หนัง เคมีชนิดพิเศษที่จะทำเป็นชุดให้นักแสดงใส่ก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยจะต่างจากชุดอุลตร้าแมนที่ติดตัวแนบเนื้ออยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีการพัฒนาในเรื่องวัตถุดิบการผลิต มีการลองผิด ลองถูก กันมาตั้งแต่โชว์ชุดที่แล้วย้อนหลังไปเมื่อ 2 ปีก่อน
“ชุดอุลตร้าแมนยุคแรกๆ ความเนี้ยบ ความคงทน ความเนียนของพื้นผิว จะสู้ชุดในยุคนี้ไม่ได้ เล่นไปเพียงไม่กี่รอบชุดจะเปียกและยุ่ยขาด ก็ต้องซ่อมกันรอบต่อรอบกันเลยทีเดียว เคมีซึ่งเป็นส่วนผสมที่จะนำเข้าเตาอบยังใช้เวลานานกว่ามาก แต่การแสดงล่าสุดในปีนี้ มีความพร้อมกว่ามาก...”
การดีไซน์เนื้อหาของอุลตร้าแมนไม่ได้ถูกนำเสนอออกมาในแนวดิ่ง แต่ได้ใส่ลวดลายที่กลมมนโค้งเว้า อันแสดงถึงความอ่อนโยน อบอุ่น ผิดกับตัวสัตว์ประหลาดที่มักมีโครงสร้างลวดลายที่คมเหลี่ยม และเต็มไปด้วยความแหลมของเขา, กระดอง, แขน และขา ...”
หากสังเกตจะพบว่า อุลตร้าแมนที่ร่วมแสดงในไลฟ์โชว์ครั้งล่าสุด จะมีรูปร่างไม่สมส่วน คือขาดความสูงสง่าไปบ้างเท่าที่ควร ศิริเดชเผยความลับในข้อนี้ว่า “เป็นเพราะว่าคนที่สูงมักจะตีลังกาได้ไม่เก่ง เมื่ออยู่บนเวทีก็จะมองไม่ออกว่าสูงหรือเตี้ย แต่ถ้าเป็นอุลตร้าแมนที่จะออกมาเดินโชว์ ต้องเน้นรูปร่างที่สูง หุ่นดีสมส่วนเอาไว้ก่อนการคัดเลือกผู้แสดงส่วนหนึ่งเลือกคนที่จบทางด้านพละศึกษามาเลย ส่วนหนึ่งเป็นสตั๊นต์แมน และนักกีฬาทีมชาติที่อยู่ในชุดของอุลตร้าแมน อีลีท และทุกคนยังต้องจดจำท่วงท่าการยืน การเดินให้แม่น เพราะอุลตร้าแมนแต่ละตัวก็จะมีท่าทางแตกต่างกัน เราไม่อยากให้เด็กซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้จริง ๆ จับผิดข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้...”
การออกแบบอุลตร้าแมน อีลิท เพื่อสานต่อ อุลตร้าแมน มิลเลเนียม ซึ่งเป็นคาแร็กเตอร์แรกในแบบฉบับคนไทยที่เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ “...ที่ผ่านมาอุลตร้าแมนจะมีตาสีเหลืองส้ม ก็เพื่อให้มีความกลมกลืนกับปุ่มที่อยู่ตรงหน้าอก แต่สิ่งที่สมโพธิ แสงเดือนฉาย ลูกศิษย์ของ เอจิ ซึบูราย่า ที่ร่วมค้นคิดประดิษฐ์ยอดมนุษย์ชุดอุลตร้าแมน ที่ขอให้คงไว้ก็คือ รอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ อุลตร้าแมน... เขาเหมือนเทพไปแล้ว ซึ่งอุลตร้าแมนทั้ง 11 ตัวที่ทางบริษัทฯ ถือลิขสิทธิ์อยู่ คือออริจินัล, โซฟี, เซเว่น, แจ๊ค, เอส, ทาโร่, เจ้าพ่อ,เจ้าแม่, มิลเลเนียม, ดาร์ก, อีลิท”
กว่าจะได้เอกลักษณ์ในความเป็นอุลตร้า แมนมิลเลเนียม เขาต้องร่างต้นแบบด้วยการวาดเป็นพันๆ ภาพ สุดท้ายถึงกับต้องลงมือปั้นเป็นตัวหุ่นจริง ตระกูลอุลตร้าแมนที่ได้รับการพัฒนาล่าสุด ทั้ง อุลตร้าแมนมิลเลเนียม, ดาร์ก และอีลิท หน้าตาจะไม่หลุดโทนจากอุลตร้าแมนในยุคแรกๆ คือ ออริจินัลเท่าใด จะกลับไปหายุคเก่า พอมาถึงอุลตร้าแมนอีลิท ก็อยากให้หลุดออกไปบ้าง เพราะถ้าใส่องค์ประกอบมากไป ก็จะกลายเป็นยอดมนุษย์ตัวอื่นไปเลย”
ทางชีวิตของศิริเดชในวันนี้ จากภาพความหลังฝังใจในช่วงวัยเด็ก จากถุงกล้วยแขกที่วาดฮีโร่ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน เขาก้าวเดินตามล่าความฝัน สู่หน้าที่การงานที่มุ่งหวังใช้ศิลปะประยุกต์สร้างสรรค์ผลงาน ด้วยวิธีฝึกมุมมอง วิธีคิดเพื่อถ่ายทอดลงสู่ผลงาน เพราะฝีมือนั้นสามารถฝึกและพัฒนากันได้ แต่จินตนาการย่อมสำคัญกว่าหลักทฤษฎีและความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา
“ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าเรียนในสถาบันศิลปะ บางคนอาจมีพรสวรรค์ต่างกัน เด็กที่เก่งทางด้าคอมพิวเตอร์ ก็อาจมาทำงานทางด้านแอนิเมชันก็ได้”
บางครั้งการทำงานหากเร่งเร้าที่จะประสบความสำเร็จ สิ่งที่มุ่งหวังก็จะยิ่งไกลห่าง แต่หากใส่พลังความเร่าร้อนในการทำงานหนทางที่ตั้งใจก็จะวิ่งลิ่วเข้าสู่ตัวราวพายุ เช่นเดียวกับเขาคนนี้ ที่ถ่ายทอดความเป็นชีวิตและลมหายใจให้กับเหล่าฮีโร่อุลตร้าแมนได้โลดแล่นสู่โลกจินตนาการของเด็กๆ
เด็กคืออนาคตของผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า แต่ด้วยคาแร็กเตอร์อุลตร้าแมนที่เสมือนหนึ่ง คือเบ้าหลอมและเป็นแบบอย่างให้กับเด็กได้คอยคิดและปฏิบัติตัวในการปลูกฝังทำความดี ด้วยวิธีการสร้างฮีโร่คงไว้ซึ่งสัญลักษณ์แรงกระทำต่อการทำความดี ติดตัวและหัวใจที่ไม่ต้องพร่ำสอนกันด้วยวาจาที่ซ้ำซาก น่าเบื่อ
ต่อเมื่อพวกเขาได้กลายเป็นพ่อ-แม่ พวกเขาก็จะถ่ายทอดความรักไปยังสายเลือด ด้วยความเข้าใจผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบข้างได้อย่างถ่องแท้ โดยมีชีวิตของผู้คนที่ล้วนมีความผูกพันไว้อยู่เป็นเดิมพัน... ในภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์อุลตร้า แมน ฮีโร่ ที่เป็นโลโก้ติดตัวศิริเดช ตลอดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน..
.
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น